๔๐ ปีแห่งสวรรค์บันดาล
ในการก่อสร้างพระเมรุเพื่อส่งเสด็จสมเด็จพระพี่นางฯกลับสู่สรวงสวรรค์ เป็นปรากฏการณ์สำคัญอย่างหนึ่งของวงการช่างไทย
ผมเองก็ได้ไปที่พระเมรุก่อนพระราชพิธี ๑ อาทิตย์ ซึ่งการก่อสร้างทั้งหลายก็เกือบเสร็จสมบูรณ์ทุกอย่าง
เหลือเพียงสิ่งตกแต่งเล็กน้อยที่ทำก่อนไม่ได้เช่นการแทงหยวก การแกะฟักทอง ผ้าม่านบางชิ้นเหล่านี้เป็นต้น
พระ เมรุฯที่ปรากฏสำเร็จได้ก็เพราะความสามารถและหัวใจของช่างไทย ที่ระดมสรรพวิชาทั้งหลายเพื่อทำงานถวายในงานนี้
ถ้ามีแค่ฝีมือและกำลังทรัพย์โดยไม่มีหัวใจประกอบ งานนี้ไม่มีทางสำเร็จได้แน่นอน ตั้งแต่การคำนวณ โครงสร้างขนาดใหญ่มาก
แต่ไม่มีการตอกเสาเข็ม ต้องคำนวณและติดตามพฤติกรรมของแรงอย่างถี่ถ้วน
ไปจนถึงความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรม และความละเอียดวิจิตรของปฎิมากรรม จิตรกรรม การจัดสวน การแกะสลัก ฯลฯ
ที่เสร็จในเวลาเพียง ๗ เดือน ด้วยงบประมาณจำกัด ต้องใช้ใจ แรง สมอง และหัวใจ ที่มั่นคง จงรักภักดี จริงๆเท่านั้นจึงสำเร็จได้
หากไปดูตอนกลางวันที่มีแสงสว่างเพียงพอที่จะเห็นรายละเอียดต่างๆอย่างสมบูรณ์
ยามเมื่อพระอาทิตย์อัศดง ฟ้าเป็นสองสี งดงามเหลือเชื่อเหมือนมองไปที่สรวงสวรรค์
ยามเมื่อค่ำแล้ว แสงไฟส่องกระทบพระเมรุและอาคารรายล้อม บนลานกว้าง
.... ลองยืนสงบและทวนความคิด บางคนอาจจะคิดสิ่งสำคัญได้ จริงๆครับ
วัน ที่ผมไปนั้น ได้เจอกับรุ่นน้องและลูกศิษย์หลายคน บางคนก็เป็นวิทยากรที่อธิบายสิ่งต่างๆให้ผู้เข้าชมฟังกัน
ถามเขาว่าเหนื่อยไม๊ เค๊าก็ตอบว่าเหนื่อยมาก แต่ก็มีความสุข เป็นหน้าที่ที่ถือว่ามีเกียรติและเป็นโชคดีของชีวิต
...ก็ให้กำลังพวกเขาไปอย่างเต็มที่ สิ่งที่เขาต้องการคงมิใช่เงินทอง แต่เป็นน้ำใจแห่งความเคารพชื่นชมจากเรามากกว่าครับ
ผมได้ขึ้นไปบนพระเมรุฯและโชคดีที่ได้เจอสถาปนิกใหญ่ "พี่อาวุธ เงินชูกลิ่น" สถาปนิกที่เป็นแม่งานของการก่อสร้างพระเมรุฯครั้งนี้
คุยกันอยู่นาน พี่อาวุธก็ใจดีคุยความรอบรู้ต่างๆให้สถาปนิกโง่คนหนึ่งฟัง ให้กำลังใจพี่อาวุธและกราบไหว้แก่ไปหลายที
พี่อาวุธดูมีพลังมากมายเหลืออยู่ในตัว ทั้งๆที่พี่เขาทำงานทั้งวันทั้งคืน ต้องต้อนรับ สั่งการ ประสานงาน แก้ปัญหา ตัดสินใจ ฯลฯ
แต่พี่เขาก็มิได้ท้อถอยทั้งกายและใจใดๆเลยครับ น่ากราบไหว้จริงๆครับ
ผม ได้สอบถามพี่อาวุธถึงตอนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จมาตรวจงาน เมื่ออาทิตย์ก่อนหน้านั้น
พี่อาวุธก็เล่าให้ฟังถึงความเอาพระทัยใส่ทุกๆจุด และพระปรีชาสามารถทางด้านช่างของพระองค์ท่าน
และความตอนหนึ่งที่พี่อาวุธเล่าให้ผมฟัง ซึ่งทำให้ผมขนลุกด้วยความดีใจสูงสุดครั้งหนึ่งของชีวิตครับ พี่อาวุธบอกว่า......
"ในหลวง ทรงตรัสว่า ได้ทำพระเมรุฯมา ๕ ครั้งแล้ว
พี่ก็ทูลว่าตัวเองทำมาเพียง ๒ พระเมรุเท่านั้น และคงไม่มีแรงทำพระเมรุองค์ต่อไป
พระองค์ท่านก็ตรัสขึ้นมาว่า....
ไ ม่ ต้ อ ง ห่ ว ง น ะ เ ร า จ ะ อ ยู่ อี ก ๔ ๐ ปี
...พี่ก็กราบฝ่าพระบาท และขอให้เป็นเช่นนั้นเทอญ"
ผม ขออนุญาตที่จะไม่ออกความเห็นใดๆกับสิ่งที่ในหลวงทรงตรัสกับพี่อาวุธ
เพียงขอภาวนาให้ทุกอย่างเป็นไปตามพระราชดำรัสที่พระองค์ตรัสนั้นเทอญ
....ชีวิตคงโชคดีเหลือประมาณได้ หากได้เกิดและได้ตายไป
ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ และมีพระชนม์ยิ่งยืนนานเทอญ
ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์
๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๑