21 พ.ย. , 2024, 09:30:44 am

Author Topic: ความเชื่อ ศรัทธา มงคลจีน : ไม้มงคล / ไหว้พระขอพรให้มีลูก  (Read 32061 times)

fengshui

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
15 ไม้มงคลตามความเชื่อจีน ดั่งแก้วสารพัดนึกเสริมบารมี-เฮง เฮง
ผู้จัดการออนไลน์

หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์- รู้จัก 15 ไม้มงคลจีน ตามความเชื่อโบราณ
พร้อมความหมายอวยพร โอกาสไหนควรปลูก หรือ มอบแก่กัน เผย 5 กลุ่มหลัก ทั้งชื่อพ้องเสียง,ลักษณะดี,ความหมายดีจากบทกวี,
ความเชื่อโบราณ และแพทย์สมุนไพรจีน ซึ่งล้วนแต่เป็นมงคล พร้อมต้นไม้ 3 ชนิด “ท้อ-ทับทิม-เซียงเช่า” ปลูกเพื่อไล่ผี-สิ่งอัปมงคลชะงัก
       
ไทย-จีนมีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนาน ดูได้แม้กระทั่งความเชื่อ ความนิยมในการปลูกต้นไม้
หรือมอบต้นไม้มงคลแบบจีนในไทยก็มีมาอย่างยาวนานเช่นกัน
       
ทองแถม นาคจำนง ที่ปรึกษาอาศรมสยาม-จีนวิทยา กล่าวว่า
ความนิยมของมนุษย์ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะ ต้นไม้มงคล สัตว์มงคล ทุกเชื้อชาติมีเหมือนกัน
เช่นเดียวกับจีนซึ่งมีความนิยมปลูกหรือสะสมต้นไม้มงคลใน 5 กลุ่มใหญ่ๆ ประกอบด้วย
       
1.ต้นไม้มงคลที่เกิดจากชื่อที่มีคำพ้องเสียงกับคำที่เป็นมงคลต่างๆ เช่นของไทยก็มีต้นยอ ต้นมะยม เป็นต้น
ซึ่งต้นไม้เหล่านี้ หากมอบให้แก่กันถือเป็นการอวยพร ซึ่งต่อมาได้ยึดถือปฏิบัติกันจนกลายเป็นประเพณีที่ดีงามขึ้นมา
ต้นไม้มงคลกลุ่มนี้ที่นิยมปลูกและมอบให้แก่กันมากได้แก่
       
       “ต้นส้มและลูกส้ม” ส้มนั้นพ้องเสียงกับคำที่ให้ความหมายว่า ผาสุก,ดีงาม,เป็นมงคล ในงานตรุษจีน
หรือเทศกาลสำคัญๆ ของจีน จึงนิยมให้ส้มแก่กัน ซึ่งเป็นการอวยพรให้มีความสุขดีงาม
       
       “ดอกกุ้ยฮวา” หรือ หอมหมื่นลี้ ลักษณะเป็นไม้ยืนต้นมีขนาดใหญ่ คำว่ากุ้ยพ้องเสียงกับคำที่มีความหมายว่า ดี,วิเศษ,สูงศักดิ์,สูงส่ง
ซึ่งนิยมมอบให้แก่กันเพื่อแทนความหมายให้ ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน
       
2.ต้นไม้มงคลที่เกิดจากการตีความของปราชญ์ชาวจีน โดยนำคุณลักษณะของต้นไม้ประเภทนั้นๆ มาตีความ ได้แก่
       
       “ต้นสน” สนเป็นต้นไม้เมืองหนาว มีความทนทาน ทนแล้ง และมีลำต้นที่สูงสง่า
ซึ่งมีความหมายถึง ความสง่างาม ความกล้าหาญ ทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของความเข้มแข็งทางจิตใจ
และได้ชัยชนะในการต่อสู้ รวมถึงความมีอายุมั่นขวัญยืนด้วย
       
       “ต้นไผ่” มีลักษณะเด่นอยู่ที่มีความเขียวชอุ่มอยู่ตลอด จึงมีความหมายถึงความสดชื่น ความรื่นรมย์ และด้วยลักษณะที่พลิ้วไหว
มีลักษณะอ่อน คือข้างในกลวง แต่เมื่อมีพายุมา ไผ่ก็สามารถอยู่ได้ ไม่ถูกพายุทำลายไป ซึ่งเหมือนคนดีที่มีความถ่อมตัว อยู่ด้วยความดีงาม
       
       “ดอกบ๊วย” ลักษณะเด่นจะบานตอนมีหิมะตก ยิ่งหิมะตกหนัก ดอกบ๊วยยิ่งบานสวยงามมาก จึงมีความหมายถึงความเข้มแข็งในอุดมคติ
       
3.ความหมายของต้นไม้มงคลที่เกิดจาก นักกวี หรือนักปราชญ์จีนได้เขียนกวี หรือบทประพันธ์เปรียบเทียบไว้
ซึ่งเมื่อบทกวีได้รับความนิยม ต้นไม้เหล่านั้นก็กลายเป็นต้นไม้ที่ได้รับความนิยมในความหมายตามบทกวีนั้นๆ ด้วย ได้แก่
       
       “ดอกเบญจมาศ” (ดอกฉุยฮัว) นักกวีชาวจีนชื่อ เผาหยวนหมิง บทกวีเอกของจีน ได้เขียนกวีบทหนึ่ง โดยเปรียบเทียบดอกเบญจมาศว่า
เป็นนักปราชญ์ ผู้มีจริยวรรตงดงาม ซึ่งบทกวีนี้ได้รับความยกย่องว่าเป็นบทกวีที่ไพเราะงดงามมาก
       
       “ต้นหลานฮวา” หรือคนไทยรู้จักกันในนามว่ากล้วยไม้ดิน กวีเอก เผาหยวนหมิง เขียนกวีไว้อีกบทว่า ต้นหลานฮัวเหมือนกับวิญญูชน
ที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีความดีที่บริสุทธิ์ ไม่โกงกิน ไม่ทำร้ายใคร จึงนิยมมอบให้กับคนที่ทำงานอย่างซื่อสัตย์สุจริต
       
4.มาจากความเชื่อต่อๆ กันมา โดยมากเป็นไม้มงคลประเภทขับไล่ ภูติผีปีศาจ ขับไล่ความอัปมงคลทั้งหลาย ได้แก่
       
       “ท้อ” สมัยโบราณในเทศกาลปีใหม่ คนจีนจะนิยมเขียนคำอวยพรให้แก่กัน ซึ่งนิยมเขียนคำขวัญ คำมงคลต่างๆ
บนแผ่นไม้ติดหน้าบ้าน ซึ่งใช้ป้ายที่ทำจากต้นท้อ เพราะเชื่อกันว่าเมื่อนำมาติดบ้านเรือน ภูติผีปีศาจจะไม่รบกวน ไม่มีเสนียดจัญไรแผ้วพาน
เช่นเดียวกับ “ทับทิม” และ “เซียงเช่า” ที่เชื่อว่าสามารถไล่ผีปีศาจได้ จึงนิยมนำมาผสมน้ำล้างหน้า ล้างตัว กัน หลังจากกลับจากงานศพด้วย
       
       สำหรับ “ทับทิม” เนื่องจากมีรูปลักษณะที่มีเมล็ดข้างในแน่น จึงถือว่าจะทำให้มีลูกหลานเต็มบ้าน เป็นการอวยพรในงานมงคลได้อีกด้วย
       
5.ไม้มงคลตามความเชื่อทางการแพทย์สมุนไพรจีน ที่เด่นชัดได้แก่ “เห็ดหลินจือ” ที่มักวาดอยู่ในภาพมงคลต่างๆ มีความหมายถึงการมีอายุมั่นขวัญยืน,อายุวัฒนะ
       
       ทั้งนี้นอกจากความเชื่อที่นิยมกันทั่วประเทศจีนแล้ว ยังมีความนิยมแพร่หลายไปตามกลุ่มย่อยๆ อีก เช่น ชนชาติจ๊วงกว่างสี
ที่มีต้นไม้ประจำชนชาติ 2 ต้น คือ “ไทร” และ “งิ้ว” ซึ่งไม่ว่าชนชาตินี้จะไปตั้งหมู่บ้านที่ไหน
จะมีการปลูกต้นไทรกับต้นงิ้วนี้หน้าหมู่บ้านทุกครั้ง ด้วยความเชื่อที่ว่า จะทำให้มีความมั่นคง เจริญรุ่งเรือง
       
       ขณะที่ ดำรงศักดิ์ มนัสวานิช ผู้จัดการบริษัท ไชน่า ซิตี้ ดีพาร์ทเมนท์ สโตร์ จำกัด กล่าวว่า มีต้นไม้จีนอีก 3 ประเภท
ที่คนจีนถือว่าเป็นมงคลมาก ได้แก่
       
       “กวนอิมเงิน-กวนอิมทอง” เนื่องจากเป็นต้นไม้ที่มีชื่อใกล้เคียงกับเจ้าแม่กวนอิม จึงได้รับความนิยมในการปลูก
ถือเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่สมัยโบราณจะใช้ในการประกอบพิธีบูชาเทพเจ้า มีความเชื่อว่าครอบครัวใดปลูกต้นไม้ชนิดนี้ในบ้าน
จะทำให้มีโชคลาภเพิ่มพูน ทรัพย์สินเงินทองมากมาย ค้าขายได้กำไร โดยกวนอิมควรปลูกวันอังคาร เสริมศิริมงคลให้เจ้าของและครอบครัว
       
       “ไผ่” เป็นต้นไม้ที่มีอายุยืนนาน คนนิยมปลูกทุกยุคสมัย เพราะมีประโยชน์ทุกส่วน ตามความเชื่อโบราณ ไผ่ถือเป็นต้นไม้ที่ลู่ลมได้ดี
จึงโอนอ่อนผ่อนตามกระแสต่อต้าน ทำให้สามารถเอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ รวมทั้งยังใช้ในพิธีมงคล
อีกทั้งคนจีนถือว่าไผ่คือไม้กวาดจากสวรรค์ ใช้ใบมาทำความสะอาดบ้านเรือนวันตรุษจีน โดยเชื่อว่าจะปัดกวาดความชั่วร้ายออกไปด้วย
       
       “โป๊ยเซียน” เป็นไม้ยืนต้นขนาดย่อม เป็นต้นไม้เสี่ยงทายที่เชื่อกันว่าหากปลูกได้ครบ 8 ดอกจะมีโชคลาภ เชื่อว่าคนปลูกอาจถูกหวย
ร่ำรวยเงินทอง แถมอาจได้รับการเลื่อนยศ ตำแหน่งให้สูงขึ้น ผู้ปลูกควรเป็นหัวหน้าครอบครัว เพราะจะทำให้ครอบครัวมีความสงบสุข
ช่วยนำโชคลาภให้สมาชิก เพื่อเสริมสิริมงคลควรปลูกทิศตะวันออกเฉียงใต้ และควรปลูกวันพุธ
       
       ทั้งนี้บางตำราระบุว่าในสมัยโบราณ ผู้ที่จะปลูกโป๊ยเซียนต้องเป็นฮ่องเต้ พระบรมวงศานุวงศ์ หรือขุนนางชั้นผู้ใหญ่
ปลูกเพื่อไว้ใช้เสี่ยงทายบุญวาสนาของผู้ปลูก โดยปกติต้นโป๊ยเซียนจะมีดอกแค่ 1 ถึง 4 ดอก
แต่เชื่อกันว่าผู้มีบารมีจะสามารถปลูกได้ช่อหนึ่งได้ตั้งแต่ 8 ดอก 16 ดอก และ 32 ดอก

« Last Edit: 03 ธ.ค. , 2008, 01:51:06 am by fengshui »

fengshui

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
Re: ความเชื่อ ศรัทธา มงคลจีน
« Reply #1 on: 02 ธ.ค. , 2008, 04:12:52 am »
แนะคนมีบุตรยากไหว้ 3สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในจีนได้ลูก ‘ชาย-หญิง’ สมใจ !

หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ - เปิด 3 แหล่งในประเทศจีนที่คนไทยนิยมเดินทางไปขอบุตร “พระโพธิสัตว์กวนอิม” เกาะผู่ถัวซาน ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด
นิยมขอบุตรชาย รองลงมาคือพระสังคจายวัดหลิงซาน ส่วนคนแต้จิ๋วเชื่อศาลเจ้าพ่อเสือบันดาลพรสำเร็จ!
       
       เรื่องการมี “บุตรยาก” ปัจจุบันถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่หลายครอบครัวกำลังประสบโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในเมืองหลวงที่มีชีวิตต้องอยู่กับความเครียดและสภาวะแวดล้อมเป็นพิษอยู่รอบตัว ประกอบกับค่านิยมการแต่งงานที่ช้าลง ทำให้คนยิ่งมีลูกได้ยากขึ้น และเมื่อแต่งงานหลายปีผ่านไปยังไม่มีลูก หลายคนก็ต้องหันไปใช้วิธี “ขอลูก”กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ ซึ่งประเทศจีนเป็นประเทศที่มีการเดินทางไปเพื่อขอลูกที่นิยมกันมากประเทศหนึ่ง
       
       กวนอิมเกาะผู่ถัวซานที่ 1 นิยมขอลูก
       
       สุพัฒนา คุ้มรุ่งโรจน์ ผู้ทำทัวร์จีนในลักษณะฟรีแลนด์ มามากกว่า 20 ปี กล่าวว่า จากประสบการณ์การทำทัวร์พากรุ๊ปคนไทยไปจีนนั้น พบว่า มีบางคนที่เดินทางไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการไปขอบุตร หรือขอลูกด้วย โดยสถานที่ที่คนไทยมีความเชื่อและความศรัทธาไปขอลูกกันนั้น ที่มีชื่อเสียงมากมีอยู่ 2 ที่ด้วยกัน ได้แก่
       
       1. พระโพธิสัตว์กวนอิม ที่วัดผู่จี้ (ผู่จี๋ซื่อ) บนเกาะผู่โถวซาน ในทะเลจีนตะวันออก ขึ้นกับมณฑลเจ๋อเจียง
       
       โดยเกาะผู่โถวซานแห่งนี้เป็นหนึ่งในสี่ของพุทธคีรี (ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาพุทธ) ของจีน เชื่อกันว่าองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมท่านทรงบรรลุธรรมที่นี่ และยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับปาฏิหาริย์เจ้าแม่กวนอิม โดยมีการเล่าต่อกันมาจนกลายเป็นประวัติของวัดด้วยว่า วัดผู่จี้ เป็นวัดที่ เจ้าแม่กวนอิมไม่ยอมไป
       
       เรื่องมีอยู่ว่าในสมัยราชวงศ์ถัง ประมาณปีค.ศ. 847 - 859 ได้มีพระภิกษุญี่ปุ่นรูปหนึ่งเดินทางไปยังเขาอู๋ไถซาน ซึ่งก็เป็น 1 ใน 4 พุทธคีรีจีนและได้อัญเชิญองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม เพื่อนำกลับไปยังประเทศญี่ปุ่น แต่เมื่อเรือล่องมาถึงบริเวณที่ตั้งวัดแห่งนี้ ได้เกิดพายุใหญ่ จึงนำเรือเข้าหลบในถ้ำใกล้ๆ เมื่อลมฝนสงบก็นำเรือออก ก็เกิดลมพายุอีก เป็นอย่างนี้อยู่ 3 ครั้ง ภิกษุรูปนั้นจึงตัดสินใจไม่นำองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมไปที่ญี่ปุ่น ชาวบ้านแถบนี้จึงสร้างวัดเล็กๆ ขึ้น ก็คือวัดผู่จี้ปัจจุบัน และตั้งชื่อว่า“วัดเจ้าแม่กวนอิมไม่ยอมไป”
       
       องค์พระโพธิสัตว์กวนอิมที่เป็นองค์ประธานนั้นเป็นปางประทานพร แต่ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ และความเก่าแก่ จึงได้รับความนิยมว่าเป็นองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในแผ่นดินจีน ซึ่งภายในวัดจะมีรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมมากถึง 33 ปาง อยู่ในวิหารประธาน (ต้าสงเป่าเตี้ยน) รวมทั้งปางประทานบุตร ที่เชื่อกันว่าการบูชาองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมในปางนี้จะทำให้มีความสมหวังในการมีลูกด้วย
       
       ตำนานปางประทานบุตร
       
       โดยองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมปางประทานบุตรนั้นก็มีเรื่องที่เล่าต่อกันมาเหมือนกัน โดยเมื่อนานมาแล้ว ที่มณฑลฮกเกี้ยน มีวัดลัทธิเต๋าอยู่แห่งหนึ่ง เต๋าซือในวัดได้คิดจะทำยาอายุวัฒนะขึ้นมา ซึ่งเชื่อกันว่าเมื่อทานเข้าไปแล้วจะอายุยืนและไม่แก่เฒ่า แต่จะต้องใช้หัวใจของเด็กผู้ชายจำนวน 100 ลูกมาผสมปรุงเป็นยา เต๋าซือจึงลงจากเขาและจับเด็กชายจำนวน 100 คนมาขังไว้ในห้องมืดเพื่อเตรียมนำหัวใจมาปรุงยา
       
       ในคืนนั้นเององค์พระโพธิสัตว์กวนอิม ซึ่งกำลังเสด็จข้ามสะพานเมืองฉวนโจวที่สร้างเชื่อมไปสู่เกาะผู่โถวซาน ได้ยินเสียงร้องของเด็ก ๆเหล่านั้น เลยลงจากดอกบัวมาดู และได้ให้ความช่วยเหลือเด็กๆ เหล่านั้น ภายหลังพระโพธิสัตว์กวนอิมจะพาเด็กๆไปส่งบ้าน แต่เด็กเหล่านั้นยังเล็กเกินกว่าที่จะรู้ว่าบ้านตัวเองอยู่ที่ไหน จึงนำเด็กๆเหล่านั้นไปให้เจ้าเมืองฉวนโจว และชาวบ้านผู้ไม่มีบุตรได้รับไปเลี้ยงดู
       
       “เรื่องเล่าเหล่านี้ จากปากต่อปาก นานวันเข้าก็มีการผิดเพี้ยนไปบ้าง แต่ก็ยังคงเป็นความเชื่อที่ว่า หากใครต้องการมีบุตรมักนิยมไปไหว้ขอจากองค์เจ้าแม่กวนอิมที่นี่” สุพัฒนา กล่าว
       
       สำหรับการเดินทางไปขอพรที่วัดแห่งนี้ จะต้องนั่งรถมาที่ท่าเรือเมืองหนิงโป แล้วต่อเรือด่วนประมาณ 1 ชั่วโมงเพื่อข้ามไปสู่เกาะผู่โถวซาน หรืออีกทางหนึ่งก็ข้ามฝั่งที่ท่าเรือหลูเฉ่ากั่งซึ่งห่างจากเมืองเซี่ยงไฮ้ ต้องนั่งรถประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง แล้วต่อเรือเจทฟอยด์ข้ามไปที่เกาะใช้เวลาอีกประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
       
       จับพุง-เด็กพระสังคจายหลิงซาน
       
       สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งที่ 2.ซึ่งนิยมไปขอบุตรคือ วัดหลิงซาน ตั้งอยู่เมืองอู๋ซี มณฑลเจียงซี ที่มีพระพุทธรูปองค์ยืนสูงที่สุดในประเทศจีน ความสูง 88 เมตร ซึ่งเดินทางไม่ลำบากเหมือนเกาะผู่ถัวซาน
       
       วัดนี้มีขนาดใหญ่ มีความสวยงามมาก ด้านในเป็นที่ประดิษฐานขององค์หลวงพ่อโตหลิงซาน หรือภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เพราะมีความสูงถึง 88 เมตร ด้านล่างมีจำลองรูปฝ่ามือขององค์หลวงพ่อโตขนาดเท่าองค์ใหญ่ไว้ให้คนกราบไหว้บูชาด้วย ซึ่งในวัดนี้มีพระสังคจายซึ่งเป็นพระโพธิสัตว์ที่เชื่อกันว่าเป็นเทพแห่งโชคลาภ ความร่ำรวย แต่พระสังคจายองค์นี้จะมีเด็กปีนป่ายล้อมรอบตัวด้วย ทำให้เชื่อกันว่า ถ้าใครได้ไปบูชา จับพุง จับตัวเด็ก และทำการเวียนเทียน 3 รอบจะทำให้ได้สมหวังในการมีลูกด้วย
       
       ขอลูกชาย-องค์กวนอิมเกาะผู่ถัวซาน
       
       ด้านเดชธิชัย เลียนทอง เจ้าของบริษัทสตาร์ดัสท์ทราเวล จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านทัวร์จีน เล่าว่าที่ผ่านมานั้นมีประสบการณ์พาลูกทัวร์ไปขอลูก 2 ครอบครัวด้วยกัน โดยทั้ง 2 ครอบครัวนั้น แต่งงานมากว่า 10 ปีและไม่มีลูก ได้เดินทางไปนมัสการองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมขอลูกที่เกาะผู่ถัวซาน ซึ่งเป็นที่เชื่อกันว่าเป็นแหล่งกำเนิดพระโพธิสัตว์กวนอิม ลูกค้าทั้ง 2 ครอบครัวก็กลับมาแล้วมีบุตรชาย ซึ่งเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์
       
       “ผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้เท่าไร รายแรกไม่ได้เล่าให้ผมฟังก่อนว่าจะไปขอลูก แต่กลับมาถึงเล่าให้ฟังว่าตั้งใจไปขอลูก รายที่ 2 บอกตรงๆ ว่าจะไปขอลูก และกลับมาก็ตั้งท้อง และคลอดเป็นเด็กผู้ชายทั้ง 2 ครอบครัว รายแรกขณะนี้ลูกชายอายุ 14 ปีแล้ว ส่วนรายที่ 2 ลูกชายอายุ 5-6 ปี ซึ่งภายหลังเขาได้เดินทางกลับไปแก้บนด้วย”
       
       คนแต้จิ๋วศรัทธาศาลเจ้าพ่อเสือ
       
       ปริญดา อริยวงศานุกูล บริษัทเค.ซี.แทรเวิล เซอร์วิส จำกัด ผู้ทำทัวร์จีนมากว่า 30 ปี เปิดเผยสถานที่ที่คนไทยนิยมไปขอลูกอีกแห่งหนึ่งซึ่งถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งที่ 3 คือ เจ้าพ่อเสือ ในเขตมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งจะอยู่ห่างจากเมืองเซินเจิ้นไปประมาณ 100 กว่ากิโล เจ้าพ่อเสือที่นี่คนจีนเรียกว่า “เหี่ยงบูซัว ฮุกโจ้ว” มีความเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มาก มีประวัติหลายร้อยปี ในสมัยโบราณ คนในมณฑลนี้ เชื่อกันว่าหากอยากสมหวัง มักจะเดินทางไปขอพรจากเจ้าพ่อเสือ ซึ่งการเดินทางในสมัยนั้นแม้จะต้องเดินเท้า และบางรายต้องเดินทางเป็นเดือน แต่ก็ได้รับความนิยมไปบูชากันแบบปากต่อปากมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งหนึ่งในพรที่นิยมไปขอกันคือ การขอลูกด้วย รวมทั้งมีชื่อด้านเซียมซีที่แม่นยำมาก
       
       จากประสบการณ์ คนไทยเชื้อสายแต้จิ๋วนิยมไปไหว้บูชากันมาก หลังจากเดินทางไปเยี่ยมญาติที่ซัวเถา ในการขอลูก แม้ตัวพ่อแม่ไม่ได้เดินทางไปเอง แต่ก็นิยมให้ปู่ย่าตายายไปขอพรให้แทน ซึ่งความเชื่อนี้ได้ส่งผลให้คนไทยนิยมไปขอลูกกับศาลเจ้าพ่อเสือ โดยเฉพาะศาลเจ้าพ่อเสือที่บริเวณเสาชิงช้า กรุงเทพฯ ด้วย เนื่องจากเป็นเจ้าพ่อเสือที่อัญเชิญมาจากศาลเจ้าพ่อเสือที่กวางตุ้ง ซึ่งจะมีลูกทัวร์ซึ่งเดินทางไปขอบุตรที่มณฑลกวางตุ้งเกือบทุกปี
       
       อย่างไรก็ดี เรื่องของการมีบุตรยากนั้น แม้หลายคนจะพยายามใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้ได้บุตรมาเป็นมิ่งขวัญของครอบครัว แต่ทุกวันนี้พบว่า แม้จะต้องเสียเงินหลายแสนบาทแต่ก็ยังไม่สำเร็จเป็นจำนวนไม่น้อย ความเชื่อด้านการขอบุตรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ แม้จะเป็นเพียงความเชื่อ แต่ความเชื่อดังกล่าวต้องอิงคำโบราณที่ว่า “ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่” เพราะมีคนที่ประสบความสำเร็จจากการขอพรมาแล้วเช่นกัน ซึ่งเป็นเรื่องของความมหัศจรรย์ล้วน ๆ!